วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

ภารกิจพิเศษ : สรุปวรรณกรรมท้องถิ่นเรื่องท้าวก่ำกาดำ


ท้าวก่ำกาดำ

บทที่ 1. สรุปเนื้อเรื่องของวรรณกรรม


    นานมาแล้ว มีผัวเมียที่ยากจนมากครอบครัวหนึ่ง แต่งงานมา 7 ปี ไม่มีลูกจึงขอลูกจากพระอินทร์ พระอินทร์จึงประทานลูกให้เป็นชาย ก่อนท้องแม่ฝันว่าลูกแก้วสีดำตกเข้าปาก ลูกแก้วลอยหนีไปส่งแสงสว่างไปทั่ว เมื่อตั้งท้องเกิดลูกเป็นชายตัวดำเหมือนกา รูปชั่วตัวดำใครๆ ก็หัวเราะเยาะ แม่ไม่ยอมเลี้ยงเพราะอับอายจึงเอาไปล่องแพทิ้ง เด็กดำลอยไปอยู่ 7 วัน 7 คืน ก็มาถึงหาดทรายแห่งหนึ่ง พระอินทร์เล็งเห็นว่าลำบากเลยให้กาดำมาช่วยพาไปไว้เมืองเบ็งจาล กินรีเลยหาผลไม้กินเป็นอาหาร เจ้าของสวนมาพบเข้าจึงเอาไปเลี้ยงไว้
          วันหนึ่งท้าวก่ำกาดำช่วยยายเจ้าของสวนร้อยดอกไม้มาลัยได้สวยงามมาก ยายเอาไปถวายธิดากษัตริย์ชื่อนางลุน นางลุนก็อยากเห็นตัวคนร้อยมาลัย วันหนึ่งกินรีทำอุบายให้ยายพานางมาชมสวน เมื่อได้พบนาง ก็หลงรัก กินรีมีความสามารถในการเป่าแคนได้ไพเราะ จึงเป่าแคนให้ผู้คนฟัง เสียงเล่าลือว่ากินรีเป่าแคนได้ไพเราะไปทั่วเมือง วันหนึ่งกินรีได้ถอดรูปร้ายกลายเป็นคนร่างงามสง่าไปหานางลุนบอกนางว่ามาจากเมืองอินทปัฐ และได้นางเป็นเมีย เจ้าเมืองฝันว่าช้างมาไล่คน กินอ้อยกล้วยของเมือง จึงให้หมอมาทาย กาดำได้เฝ้ากษัตริย์ เพราะชื่อเสียงว่าเป่าแคนเพราะ กลางคืนกินรีไปหานางและได้ขอแหวนและผ้าสไบมาไว้เป็นที่ระลึก กลับมาบ้านให้ยายไปขอให้ เจ้าเมืองเรียกสินสอดเงินแสนชั่ง ทองแสนชั่ง ช้างพันตัว มีคนขับขี่พร้อม คนใช้พันคน สะพานเงิน สะพานทอง จากบ้านยายไปหาพระราชวัง พระอินทร์พระยานาคมาช่วยทำสะพาน หาสินสอดในที่สุดกินรีกับนางลุนก็ได้แต่งงานกัน

จุดมุ่งหมายของผู้ปริวรรต

          เนื่องจากวรรณกรรมนิทานอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำ เป็นวรรณกรรมที่นักปราชญ์อีสานได้ร้อยกรองขึ้นไว้ด้วยเนื้อหาสาระไพเราะ อ่านแล้วให้คติสอนใจ ความรู้และความบันเทิงใจ นิยมแพร่หลายในสังคมอีสาน ซึ่งมีการนำไปอ่านในงานต่างๆหรือแม้แต่พระสงฆ์ก็นำไปใช้เทศนาสั่งสอนชาวบ้านในงานประเพณีและวันสำคัญต่างๆและมีการนำโครงเรื่องไปแต่งเป็นเรื่องราวในการแสดงหมอลำเรื่องอีกด้วย แต่เนื่องจากต้นฉบับวรรณกรรมนิทานอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำเป็นหนังสือใบลานที่จารด้วยตัวอักษรไทยน้อย ยากแก่การอ่านจึงได้ทำการปริวรรตออกมาเป็นตัวอักษรไทยกลางปัจจุบันเพื่อง่ายแก่การศึกษา

ปีที่แต่ง

      นักปราชญ์โบราณอีสานได้แต่งไว้ และนำหนังสือเรื่องท้าวก่ำกาดำจากวัดต่าง ๆ มาเทียบเคียงดูหลายฉบับ เห็นว่าฉบับใดเก่าแก่กว่าได้เลือกเอาฉบับนั้นมาแต่งขึ้นใหม่ แต่ยังไม่สามารถที่จะแต่งให้เป็นฉบับสมบูรณ์ได้และได้นำหนังสือใบลานเรื่องท้าวก่ำกาดำมาแต่งใหม่ เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2527


ผู้แต่ง 

     วรรณกรรมอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำ มีผู้แต่ง คือ นายปรีชา พิณทอง  ต้นฉบับเป็นหนังสือใบลานและได้รวบรวมหนังสือเรื่องท้าวก่ำกาดำจากวัดต่าง ๆ มาเทียบเคียงดูหลายฉบับ เห็นว่าฉบับใดเก่าแก่กว่าได้เลือกเอาฉบับนั้นมาชำระซึ่งท่านได้กล่าวไว้ว่า "ยังไม่สามารถที่จะชำระให้เป็นฉบับสมบูรณ์ได้" 

แจำหน่าย

      จัดจำหน่ายโดยโรงพิมพ์ศิริธรรม 60/22-23  ถนนชยางกูร อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี  โทร. 255293 
ขนาดหนังสือ 16 หน้า ยก จำนวน 178 หน้า

บทที่ 2 การวิเคราะห์ชื่อและเนื้อหาในวรรณกรรม

1 .วิเคราะห์ชื่อเรื่อง

          วรรณกรรมเรื่อง "ท้าวก่ำกาดำ" ตั้งชื่อเรื่องมาจากลักษณะของตัวละครเอกคือ ท้าวก่ำกาดำ ซึ่งคำว่า ก่ำ ในภาษาอีสานแปลว่า สีคล้ำ ส่วน กาดำ เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะสีผิวที่มีสีดำไปทั้งตัวเหมือนกา ท้าวก่ำกาดำจึงหมายถึง ชายที่มีลักษณะสีผิวดำคล้ำไปทั้งตัว
2. แก่นเรื่อง  ชายหนุ่มรูปร่างอัปลักษณ์ ตัวดำทั้งตัวแต่จิตใจงดงามชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ
3. โครงเรื่อง
    การเปิดเรื่อง
·          สามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่กินด้วยกันมานานไม่มีบุตรจึงได้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอบุตรจนได้กำเนิดเป็นท้าวก่ำกาดำ

    การดำเนินเรื่อง
 - กำเนิดท้าวก่ำกาดำ
 - มารดารังเกียจลูกของตนที่ตัวดำอัปลักษณ์จึงหาอุบายนำลูกไปลอยแพ
 - ตายายสองคนเป็นผู้ดูแลสวนอุทานหลังพระราชวังรับท้าวก่ำกาดำมาเลี้ยงดู
 - ท้าวก่ำกาดำหลงรักนางลุน
  -  ท้าวก่ำกาดำร้อยมาลัยให้นางลุน
 -  ท้าวก่ำกาดำเป่าแคนในพระราชาฟัง
  -  ท้าวก่ำกาดำขอให้ตากับยายไปสู่ขอนางลุนให้

    การผูกปม
ท้าวก่ำกาดำมีสีผิวคล้ำดำเหมือนอีกา
 - มารดารังเกียจจึงนำท้าวก่ำกาดำไปลอยแพ

    จุดสูงสุด
ท้าวก่ำกาดำต้องหาสินสอดเป็นเงินทองมากมาย รวมทั้งสร้างสะพานเงินสะพานทองจากสวนอุทยานมาจนถึงพระราชวัง

    การคลายปม
พระอินทร์ดลบันดาลให้ท้าวก่ำกาดำถอดรูปเป็นชายรูปงามพร้อมสร้างเมือง สะพานเงินสะพานทอง แก้วแหวนเงินทองให้

    การปิดเรื่อง
 - ท้าวก่ำกาดำได้แต่งงานกับนางลุน จากนั้นจึงได้ออกตามหาบิดามารดาที่แท้จริงของตนและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

4. วิเคราะห์ตัวละคร
    1. ท้าวก่ำกาดำ      เพศ          ชาย
                        สถานะ        ไม่ปกติ
                        ลักษณะ      อัปลักษณ์เพราะมีผิวสีดำทั้งตัว
                        กลับชาติ    พระโพธิสัตว์
                        ฐานะ          ยากจน
มีความสามารถในการเป่าแคน ร้อยมาลัย
  2 .นางลุน     เพศ         หญิง
                        สถานะ        ธิดาของกษัตริย์
                        ลักษณะ      สิริโฉมงดงาม มีเมตตา
                        ฐานะ          ธิดาองค์ที่ 7 (องค์สุดท้าย)
 3 .บิดาและมารดาของท้าวก่ำกาดำ
     บิดาเป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่มีจิตใจงดงาม รักลูก เอ็นดูเด็ก ๆ รักครอบครัว ไม่เห็นแก่ตัว มองโลกในแง่ดี 
ส่วนมารดาเป็นตัวละครที่มีจิตใจดีไม่แพ้บิดาของท้าวก่ำกาดำแต่มีเหตุที่ต้องนำลูกตัวเองไปลอยแพ เพราะทนแรงกดดันและความอับอายจากญาติของตนไม่ได้
4.ย่าจำสวน
ผู้ดูแลสวนหลวงท้ายพระราชวัง ได้ให้ความช่วยเหลือและเลี้ยงดูท้าวก่ำกาดำเหมือนเป็นบุตรของตน มีจิตใจงดงาม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีเมตตา 
5. พระอินทร์
เป็นบิดาของท้าวก่ำกาดำเมื่อตอนที่ท้าวก่ำกาดำเสวยชาติเป็นเทวดาก่อนลงมาเกิดเป็นบนโลกมนุษย์ พระอินทร์จะเป็นผู้คอยให้ความช่วยเหลือท้าวก่ำกาดำอยู่ตลอด จิตใจดี มีเมตตา คอยสั่งสอนให้ผู้อื่นกระทำแต่ความดี

6. พระยาหลวงเจ้า
เป็นกษัตริย์ปกครองเมือง มีนิสัยเอาแต่ใจตนเอง อารมณ์ร้อน ชอบตัวสินคนแค่รูปลักษณ์ภายนอกจึงมักหาเรื่องกลั่นแกล้งท้าวก่ำกาดำเสมอ

7. ธิดาทั้ง 6 (พี่สาวทั้ง 6ของนางลุน)
ธิดาของพระยาหลวงเจ้า ที่มีสิริโฉยงดงามไม่แพ้กัน มีนิสัยใจคอเหมือนผู้เป็นบิดา

ภาษาที่ใช้ในการดำเนินเรื่อง
        วรรณกรรมอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำ ต้นฉบับเป็นหนังสือใบลานเขียนด้วยตัวอักษรไทยน้อย มีเนื้อความไพเราะประกอบไปด้วยสารคดีศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เรื่องนี้ได้พิมพ์เป็นรูปเล่มด้วยอักษรไทยกลาง

ฉากหลัก
     - ในพระราชวัง เหตุการณ์ต่าง ๆ มักเกิดขึ้นในพระราชวัง เช่น พระยาหลวงเจ้าฟังแคน ท้าวก่ำกาดำไปเล่นนางลุน 
     - สวนหลวง  ที่อยู่อาศัยของย่าจำสวนและท้าวก่ำกาดำ
ฉากรอง
     - หมู่บ้านของท้าวก่ำกาดำ  เป็นบ้านเกิดของท้าวก่ำกาดำและเป็นต้นกำเนิดของเรื่องที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ 
     - แม่น้ำ ท้าวก่ำกาดำถูกลอยแพอยู่ในแม่น้ำ 7 วัน 7 คืน
    - ในเมือง  ท้าวก่ำกาดำเข้าไปเล่นในเมือง

บทที่ 3 ความโดดเด่นทางด้านวรรณกรรม


     วรรณกรรมอีสานส่วนใหญ่จะไม่ปรากฏผู้ประพันธ์ จะมีวรรณกรรมที่ระบุผู้ประพันธ์เพียงไม่กี่เรื่องและการระบุชื่อนี้ก็ไม่อาจลงความเห็นได้แน่ชัดว่าเป็นผู้ประพันธ์ ผู้คัดลอกหรือผู้จ้างวานคัดลอก การที่กวีอีสานไม่นิยมระบุชื่อเจ้าของลิขสิทธ์การประพันธ์นี้เป็นเพราะว่าจุดมุ่งหมายในการประพันธ์เรื่องหรือกวีนิพนธ์นี้สร้างสรรค์วรรณกรรมขึ้นมาด้วยแรงศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาเพื่อเป็นพุทธบูชาจึงไม่จำเป็นต้องบอกชื่อเพราะเป็นการผิดมารยาทในการทำบุญหรือสร้างกุศลเพื่อเอาหน้า
    ต้นฉบับเป็นหนังสือใบลานเขียนด้วยตัวอักษรไทยน้อย มีเนื้อความไพเราะประกอบไปด้วยสารคดีศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม และได้เขียนใหม่เป็นรูปเล่มด้วยอักษรไทยกลาง
     นอกจากนี้ยังมีเครื่องดนตรีของภาคอีสานที่แสดงออกถึงความไพเราะของเสียงแคนที่ท้าวก่ำกาดำได้เป่าถวายกษัตริย์และนางลุนฟัง ดังนี้ 

ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย อ้อยอิ่ง กินนะรี
บุญมี เลยเป่าแถลง ดังก้อง
เสียงแคนดังม่วนแม่ง พอล่มหลูด ตายไปนั้น
ท้าวก็เป่า จ้อย จ้อย คือเสียงเสพ เมืองสวรรค์ (หน้า 70 )

บทที่ 4 การนำไปประยุกต์ใช้

หมอลำเรื่อง


หมอลำพื้น

1หนังสือค่าวซอเรื่องก่ำกาดำ จัดพิมพ์โดยร้านประเทืองวิทยา ผู้แต่งชื่อนายโอ๊ด



   วรรณกรรมเรื่องท้าวก่ำกาดำพบในสื่อที่นำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับยุคสมัยหลายแบบหลายประเภท เช่น ใบลาน หนังสือประการเรียน หนังสือนิทาน หนังสือวรรณกรรมท้องถิ่น หมอลำพื้น หมอลำต่อกลอน หมออลำเพลิน ฟ้อนฮูปฮ้อยมาลัยฮัก ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการประยุกต์ใช้ของแต่ละบุคคล

อินโฟกราฟฟิค เรื่องท้าวก่ำกาดำ




วันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2560

วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2560

วันเสาร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2560

วรรณคดีอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำ

วิเคราะห์วรรณคดีอีสาน เรื่องท้าวก่ำกาดำ


                                                     วรรณคดีอีสานเรื่องท้าวก่ำกาดำ
                                                            ผู้แต่ง : ปรีชา พินทอง

1 .วิเคราะห์ชื่อเรื่อง
          วรรณกรรมเรื่อง "ท้าวก่ำกาดำ" ตั้งชื่อเรื่องมาจากลักษณะของตัวละครเอกคือ ท้าวก่ำกาดำ ซึ่งคำว่า ก่ำ ในภาษาอีสานแปลว่า สีคล้ำ ส่วน กาดำ เป็นคำที่บ่งบอกถึงลักษณะสีผิวที่มีสีดำไปทั้งตัวเหมือนกา ท้าวก่ำกาดำจึงหมายถึง ชายที่มีลักษณะสีผิวดำคล้ำไปทั้งตัว

2. แก่นเรื่อง  ชายหนุ่มรูปร่างอัปลักษณ์ ตัวดำทั้งตัวแต่จิตใจงดงามชอบช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

3. โครงเรื่อง
    การเปิดเรื่อง
  • ·          สามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่กินด้วยกันมานานไม่มีบุตรจึงได้บนบานศาลกล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อขอบุตรจนได้กำเนิดเป็นท้าวก่ำกาดำ

    การดำเนินเรื่อง
  • ·         กำเนิดท้าวก่ำกาดำ
  • ·         มารดารังเกียจลูกของตนที่ตัวดำอัปลักษณ์จึงหาอุบายนำลูกไปลอยแพ
  • ·         ตายายสองคนเป็นผู้ดูแลสวนอุทานหลังพระราชวังรับท้าวก่ำกาดำมาเลี้ยงดู
  • ·         ท้าวก่ำกาดำหลงรักนางลุน
  • ·         ท้าวก่ำกาดำร้อยมาลัยให้นางลุน
  • ·         ท้าวก่ำกาดำเป่าแคนในพระราชาฟัง
  • ·         ท้าวก่ำกาดำขอให้ตากับยายไปสู่ขอนางลุนให้

    การผูกปม
  • ·         ท้าวก่ำกาดำมีสีผิวคล้ำดำเหมือนอีกา
  • ·         มารดารังเกียจจึงนำท้าวก่ำกาดำไปลอยแพ

    จุดสูงสุด
  • ·         ท้าวก่ำกาดำต้องหาสินสอดเป็นเงินทองมากมาย รวมทั้งสร้างสะพานเงินสะพานทองจากสวนอุทยานมาจนถึงพระราชวัง

    การคลายปม
  • ·         พระอินทร์ดลบันดาลให้ท้าวก่ำกาดำถอดรูปเป็นชายรูปงามพร้อมสร้างเมือง สะพานเงินสะพานทอง แก้วแหวนเงินทองให้

    การปิดเรื่อง
  • ·         ท้าวก่ำกาดำได้แต่งงานกับนางลุน จากนั้นจึงได้ออกตามหาบิดามารดาที่แท้จริงของตนและอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข


4. วิเคราะห์ตัวละคร
    ท้าวก่ำกาดำ      เพศ          ชาย
                        สถานะ        ไม่ปกติ
                        ลักษณะ      อัปลักษณ์เพราะมีผิวสีดำทั้งตัว
                        กลับชาติ    พระโพธิสัตว์
                        ฐานะ          ยากจน